ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านแม่ใส
ลักษณะที่ตั้ง , ขนาดของพื้นที่ , อาณาเขตติดกับ
, ลักษณะภูมิประเทศ
หมู่บ้านแม่ใส เดิมชื่อ
"บ้านนางเหลียว" ประชาชนส่วนใหญ่ย้ายมาจากบ้านทุ่งป่ายะ และบ้านทุ่งโค้ง
อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2299 มีประชาชนประมาณ 12
หลังคาเรือน มาก่อสร้างบ้านเรือนติดกับสายน้ำแม่ใส ซึ่งไหลมาจากบ้านร่องคำน้อย โดยมี
พระวงศ์ ธมมวโส เป็นผู้นำ และได้จัดตั้งวัดขึ้นเป็นครั้งแรก ชื่อว่า
"วัดนางเหลียว" มีนายหลาน นาแพร่ เป็นกำนันคนแรก ขึ้นกับตำบลบ่อแฮ้ว
อำเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย หมู่ที่ 2 ต่อมามีนายสุนันท์ ชุ่มวงศ์
ได้ปรับปรุงบ้านพร้อมทั้งพัฒนาหมู่บ้าน และที่มาของชื่อบ้านแม่ใส ยึดเอาจากลำน้ำแม่ใสมาเป็นชื่อหมู่บ้าน
และตำบลแม่ใส แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 12 หมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ที่ 1 บ้านร่องไฮ
หมู่ที่ 2 บ้านแม่ใสกลาง
หมู่ที่ 3 บ้านแม่ใสทุ่งวัวแดง
หมู่ที่ 4 บ้านแม่ใสเหล่า
หมู่ที่ 5 บ้านบ่อแฮ้ว
หมู่ที่ 6 บ้านสันป่าถ่อน
หมู่ที่ 7 บ้านสันช้างหิน
หมู่ที่ 8 บ้านแม่ใสหัวขัว
หมู่ที่ 9 บ้านแม่ใสเหนือ
หมู่ที่ 10 บ้านสันป่าถ่อน
หมู่ที่ 11 บ้านร่องไฮ
หมู่ที่ 12 บ้านแม่ใสเหล่าใต้
ลักษณะที่ตั้ง
เป็นที่ราบภูเขา
ขนาดของพื้นที่
มีเนื้อที่ทั้งหมด 4,395 ไร่ 2 งาน
โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ
ติดกับกว๊านพะเยาและตำบลเวียง
อำเภอเมืองพะเยา
- ทิศใต้ ติดกับตำบลแม่กา และตำบลแม่นาเรือ
- ทิศตะวันออก ติดกับตำบลแม่ต๋ำ
และตำบลแม่กา
- ทิศตะวันตก ติดกับตำบลแม่นาเรือและตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมืองพะเยา
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศเต็มไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน
และมีพื้นที่สำคัญของประเทศอยู่หลายจุด
สภาพภูมิอากาศ
ภาคเหนือมีลักษณะภูมิอากาศดังนี้
1.ประเภทภูมิอากาศ
ภาคเหนือมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นสลับร้อนแห้งแล้ง
หรือฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู
2.อุณหภูมิ
โดยที่ภาคเหนือตั้งอยู่ในภาคพื้นทวีปมากที่สุด
พิสัยอุณหภูมิจึงสูงมาก มีอุณหภูมิสูงสุด 44.5 องศาเซลเซียส ที่ จ. อุตรดิตถ์
เป็นอุณหภูมิที่เคยสูงสุดของภาคและ ของประเทศ ฤดูหนาวอากาศเย็น
เคยมีอุณหภูมิต่ำสุดถุง 1 องศาเซลเซียสที่ จ.เชียงราย
3.ปริมาณฝน
ภาคเหนือได้รับฝนส่วนใหญ่ในช่วงฤดูฝนที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านประเทศไทย
ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนด้านที่ต้นลมจะได้รับปริมาณฝนมากกว่าด้านปลายลม ซึ่งฝนที่ตก
อยู่นั้นเป็นลักษณะของฝนภูเขา พื้นที่หน้าเขาจะได้รับฝนมากกว่าด้านหลังเขา
และได้รับฝนจากพายุดีเปรสชันที่พัดมาจากทะเลจีนใต้ จังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝน
มากที่สุดของภาคเหนือคือ จ.เชียงราย จังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยที่สุดคือ จ.ลำพูน
4.ฤดูกาล
ภาคเหนือมี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ฤดูหนาว
และฤดูร้อน
ฤดูฝน
ซึ่งเป็นฤดูที่เริ่มลงมือเพาะปลูกพืชเมืองร้อน จะเริ่มประมาณกลางเดือนพฤษภาคมและไปสิ้นฤดูในเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม
ฝนที่ตกเป็นฝนจาก มรสุมตะวันตก เฉียงใต้ที่พัดมาจากอ่าวเบงกอล
กับฝนจากพายุดีเปรสชันที่พัดจากทะเลจีนใต้
ฤดูหนาว เป็นฤดูของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมและสิ้นสุดประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูหนาวในภาคเหนือมีลักษณะเห็นเด่นชัด
กว่าภาคกลาง และภาคใต้
เพราะอยู่ใกล้แนวเคลื่อนที่ของอากาศหนาวเย็นที่เคลื่อนที่จากเขตความกดอากาศสูงในไซบีเรียและผ่านประเทศจีน
ฤดูร้อน
เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุลภาพันธ์และไปสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
ในเดือนกุมภาพันธ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มอ่อนกำลังลง ทำให้ลมตะวันออกเฉียง
ใต้จากทะเลจีนมีกำลังแรงขึ้น เป็นผลให้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้นในภาคเหนือเป็นครั้งคราว
ในเดือนมีนาคมและเมษายนอุณหภูมิในภาคเหนือขึ้นสูงมาก
ลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในเขตโซนร้อน
แบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดูกาลอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 25 องศาเซลเซียส
โดยมีอุณหภูมิสูงสุด ในเดือนเมษายนประมาณ 42 องศาเซลเซียส
และอุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคมประมาณ 15 องศาเซลเซียส
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,230 มิลลิเมตร/ปี โดยมีวันที่ฝนตกปีละประมาณ 110 วัน
เขตที่มีฝนตกน้อยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 800-1,000 มิลลิเมตร/ปี
ส่วนเขตที่ฝนตกชุกจะมีปริมาณฝนสูงสุดถึง 2,000
มิลลิเมตร/ปี
ด้านเศรษฐกิจ
โรงสี 1 แห่ง
ปั๊มน้ำมันและก๊าซ 1 แห่ง
ข้อมูลด้านการสาธารณสุข
1. การให้บริการสาธารณสุข ประกอบด้วย
-โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 1 แห่ง
-
พนักงานสาธารณสุขชุมชน 5 คน
-
สถานพยาบาลเอกชน 3 แห่ง
2. บุคลากรด้านสาธารณสุข
-
การนับถือศาสนา
พุทธ
อาชีพของประชากร
รับราชการเป็นบางส่วน
ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนา ทำการเกษตร ทำไร่ ทำสวน จับสัตว์น้ำในกว๊านพะเยา
ทำโอท็อป จักสานผักตบชวา ปั้นอิฐ และรับจ้างทั่วไป
ที่มา http://maesaisao.go.th/history1.php ข้อมูลทั่วไป
ที่มา http://maesaisao.go.th/history1.php ข้อมูลทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น